IN-HOUSE TRAINING (Corporate Training)
การจัดการฝึกอบรมภายในองค์กร (In-house Training) หรือบางองค์กรเรียกว่า Corporate Training เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำหรับการพัฒนาความรู้ และทักษะของบุคลากรภายในองค์กรที่ได้รับการยอมรับกันมายาวนานจนถึงปัจจุบันว่ามีประสิทธิภาพสูง เนื่องจากการเป็นการอบรมที่เกิดจากวิเคราะห์โจทย์และการวางแผนการพัฒนาบุคลากรขององค์กรนั้น ๆ เป็นหลัก ซึ่งทำให้บุคคลากรได้รับการพัฒนาและบรรลุเป้าหมายขององค์กรไปในทิศทางเดียวกัน
รูปแบบการจัดฝึกอบรมภายในองค์กร (In-house Training)
เพื่อให้การพัฒนาบุคลากรในปัจจุบันตอบสนองและตอบโจทย์ต่อความต้องการขององค์กรมากขึ้น รูปแบบการจัดอบรมภายในองค์กร (In-house Training) จึงแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบคือ
1. การจัดฝึกอบรมเป็นรายหลักสูตร (หลักสูตรระยะสั้น)
คือ การอบรมตั้งแต่ 1- 3 วัน เป็นการฝึกอบรมที่มุ่งเน้นการให้ทักษะ ความรู้ตั้งแต่ระดับพื้นฐานจนถึงระดับสูง ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ ความคาดหวังและความพร้อมของแต่ละองค์กรเป็นหลัก
2. การจัดฝึกอบรมเป็นโปรแกรมระยะยาว (หลักสูตรระยะยาว)
คือ ใช้ระยะเวลาการอบรมตั้งแต่ 1 – 12 เดือน ซึ่งการอบรมในรูปแบบนี้โปรแกรมที่ลงลึกในแต่ละส่วนตามวัตถุประสงค์ขององค์กรและมีความต่อเนื่องสอดคล้องกัน และเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ปัญหาหลักขององค์กร การอบรมเป็นโปรแกรมระยะยาวโดยส่วนใหญ่จะมุ่งไปที่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งที่องค์กรให้ความสำคัญเป็นหลักก่อน
และเพื่อการพัฒนาบุคลากรตอบโจทย์โลกยุคดิจิตอล (Digital Age) ที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ การพัฒนาบุคลากรจึงไม่ได้จำกัด อยู่เพียงบุคคลและสถานที่ ห้องเรียนเสมือนจริง (Virtual Classroom) จึงเริ่มเข้ามามีบทบาทและมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น ซึ่งทางสถาบัน Challenge Training เองก็ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรอย่างไม่หยุดยั้ง จึงจัดให้มีการอบรมภายในองค์กรแบบ Virtual Classroom ไว้ตอบรับความต้องการขององค์กรด้วยเช่นกัน
- Soft Skills คือ ทักษะด้านอารมณ์ ความสามารถในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น รวมไปถึงการพัฒนาตัวเอง
- Hard Skills คือ ทักษะด้านความรู้ที่ใช้ในการทำงาน ความสามารถในการใช้เทคนิคต่างๆในการทำงานที่สอนกันได้ และสามารถวัดผลความรู้หรือความสามารถนั้นออกมาได้
- ทักษะด้านการคิดวิเคราะห์
- ทักษะด้านคน
- ทักษะด้านเทคโนโลยี
- ทักษะการบริหารจัดการตัวเอง
หลักการและรูปแบบของการฝึกอบรมภายในองค์กร (In-house Training)
อย่างไรก็ตาม การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ ที่ผู้เรียนเห็นความสำคัญของสิ่งที่ได้เรียนรู้และสามารถนำไปใช้ได้จริง จะต้องเกิดจากความสมดุลย์ระหว่าง ทักษะ (Skillset) และ ทัศนคติ (Mindset) ซึ่งการอบรมได้ถูกออกแบบมาให้มีความกลมกลืนของสองปัจจัยดังกล่าว ดังนี้ทักษะ (Skillset) การฝึกทักษะมีวัตถุประสงค์เพื่อผู้เข้าอบรมให้เกิดความคุ้นเคยกับการใช้เทคนิคต่าง ๆ เพื่อนำไปปรับใช้ในงานจริง ซึ่งเป็นการฝึกทักษะในหลายรูปแบบ ได้แก่
- การฝึกเชิงปฏิบัติ (Workshop)
- การแสดงบทบาทสมมุติ (Role Play) ในงานจริง
ทัศนคติ (Mindset) จำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้เข้ารับการอบรมจะต้องได้รับการปรับทัศนคติเพื่อให้ยอมรับและเห็นความสำคัญของสิ่งที่กำลังเรียนรู้ มีความคิดเชิงบวก เพื่อให้เกิดการตระหนักรู้ ด้วยกิจกรรมและเทคนิคที่หลากหลาย เช่น
- กิจกรรมละลายพฤติกรรม (Ice Breaking) เพื่อให้ลดกำแพงและเปิดใจให้กับการเรียนรู้ และเพิ่มความมั่นใจในการเรียนรู้มากขึ้น
- การเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมเป็นพื้นฐาน (Activity Based Learning) การเรียนรู้ที่รู้เรียนเป็นศูนย์กลางเน้นบทบาท และการมีส่วนร่วมของผู้เรียน หรือ “การเรียนรู้เชิงรุก” (Active Learning) ไม่ว่าจะเป็นการอภิปราย (Class Discussion), การอภิปรายกลุ่มย่อย (Small Group Discussion),, การเรียนรู้โดยใช้สถานการณ์ (Case Study), เกม (Game) และอื่น ๆ
- บรรยากาศของการเรียนรู้ที่สนุกสนานและเป็นกันเอง ชวนติดตาม มีการชื่นชม และให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เพื่อเป็นแบบอย่างในการนำไปต่อยอดสู่การนำไปใช้จริง
- การโค้ช (Coaching) เพื่อให้ผู้เข้าอบรมเกิดกระบวนการในการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงตนเองตามเป้าหมายที่ตั้งใจจนบรรลุผลสำเร็จ