Customer Complaint Handling


การบริการ (Service) และการรับมือข้อร้องเรียนของลูกค้า (Complaint Handling)
เป็นสองเรื่องที่ แยกกันไม่ออก และส่งผลต่อประสบการณ์ของลูกค้าโดยตรงค่ะ 

ข้อร้องเรียน คือส่วนหนึ่งของประสบการณ์การบริการ

  • ลูกค้าไม่ได้จดจำเพียงแค่ “บริการตอนปกติ”
  • แต่จะจดจำมากที่สุดตอนที่เกิดปัญหา และองค์กรจัดการอย่างไร
        “จุดวิกฤต คือจุดสร้างความประทับใจได้ดีที่สุด”


การรับเรื่องร้องเรียน คือบทพิสูจน์คุณภาพของบริการ

  • วัดความเป็นมืออาชีพของพนักงาน
  • ลูกค้าจะรู้สึกได้ว่าองค์กรใส่ใจเขาขนาดไหน


Complaint = Feedback ที่มีค่ามาก

  • บอกเราได้ตรง ๆ ว่าลูกค้าต้องการอะไร
  • ทำให้เรารู้จุดอ่อนของบริการแบบไม่ต้องคาดเดา


การจัดการข้อร้องเรียนที่ดี = สร้างความภักดีของลูกค้า (Customer Loyalty)

หากแก้ปัญหาได้ดี → ลูกค้าเชื่อมั่นและกลับมาใช้บริการต่อ
หากจัดการได้แย่ → ลูกค้าไม่กลับมา และบอกต่อด้านลบ

งานวิจัยหลายชิ้นพบว่า ลูกค้าที่เคยมีปัญหาแล้วถูกแก้ไขอย่างดี
มีโอกาสกลับมาซื้อซ้ำ มากกว่าลูกค้าที่ไม่เคยมีปัญหาเลย

การจัดการอารมณ์ → หัวใจของการบริการเมื่อเกิด Complaint

  • ลูกค้ายังโกรธเพราะต้องการ “ความยุติธรรม”
  • การตอบสนองเชิงอารมณ์ที่ดีช่วยให้ลูกค้าสงบเร็วขึ้น
  • ค่อยเข้าสู่การแก้ปัญหาได้อย่างมีเหตุผล



“Complaint ไม่ใช่การตำหนิ แต่คือของขวัญที่ทำให้เรารู้ว่าลูกค้าคาดหวังอะไร”

Complaint  สะท้อนให้เห็น “มุมมองต่อการรับคำติ” ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญของคนให้บริการทุกระดับ “ผู้ให้บริการมืออาชีพ” จะสามารถแบ่งความรู้สึกและการรับมือออกได้เป็น 2 ช่วง คือ

ช่วงแรก (ปฏิกิริยาเริ่มต้น – ความรู้สึกธรรมชาติ)

  • รู้สึกไม่สบายใจ / เสียใจ / ผิดหวังในตนเอง เพราะตั้งใจให้บริการดีที่สุดแล้ว
  • อาจรู้สึกถูกตำหนิหรือไม่ยุติธรรม หากลูกค้าเข้าใจผิด
  • รู้สึกกังวล ว่าจะมีผลต่อภาพลักษณ์หรือความเชื่อมั่นของลูกค้า

(เป็นอารมณ์ปกติที่เกิดได้กับทุกคน แต่สิ่งสำคัญคือ “ไม่หยุดอยู่แค่ความรู้สึกนี้”)

ช่วงที่สอง (การมองอย่างมืออาชีพ – ทัศนคติเชิงบวก)

  • เปลี่ยน Complaint เป็น Feedback : เห็นว่านี่คือ “โอกาสในการเรียนรู้และพัฒนา”
  • รู้สึกขอบคุณลูกค้า ที่ช่วยสะท้อนจุดที่ควรปรับปรุง
  • ตั้งใจฟังอย่างเปิดใจ (Active Listening) เพื่อเข้าใจสาเหตุแท้จริง
  • รู้สึกมีกำลังใจในการแก้ไข เพื่อสร้างความประทับใจกลับคืน

 




“การบริหารอารมณ์” (Emotional Management)
คือหัวใจของงานบริการ เวลามีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ลูกค้าไม่พอใจหรือร้องเรียน สิ่งสำคัญคือ “เราต้องบริหารอารมณ์ของตัวเองให้ได้ ก่อนจะจัดการอารมณ์ของลูกค้า” 

แนวทางบริหารอารมณ์ของตนเอง
 

1. หยุด – หายใจ – ปรับโฟกัส

ใช้เทคนิค “Pause – Breathe – Focus”

  • หยุดตอบโต้ทันทีเมื่อเริ่มรู้สึกไม่พอใจ
  • หายใจเข้าลึก ๆ เพื่อควบคุมอารมณ์
  • โฟกัสกลับไปที่ “เป้าหมายหลักคือการแก้ปัญหา ไม่ใช่การเอาชนะ”


2. แยก “เรื่อง” ออกจาก “อารมณ์”

ลูกค้าไม่พอใจ “สถานการณ์” ไม่ได้ไม่พอใจ “ตัวเรา”
เมื่อแยกได้ จะไม่รู้สึกส่วนตัว และสามารถรับฟังได้อย่างเป็นกลาง

3. ใช้ท่าทีทางบวก (Positive Tone & Body Language)

  • พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ไม่ประชดหรือแข็งกร้าว
  • สีหน้า สายตา ท่าทางแสดงความเข้าใจและตั้งใจฟัง
  • ยิ้มเล็กน้อย (แม้ในสถานการณ์ตึงเครียด) ช่วยลดแรงต้านของลูกค้าได้มาก 

4. มองสถานการณ์เป็น Feedback เพื่อเติบโต

“เขาโกรธเพราะเขายังคาดหวังในเรา”
คิดแบบนี้จะช่วยให้ใจเย็นและมีพลังในการแก้ไข


แนวทางบริหารอารมณ์ของ “ลูกค้า”

1. ฟังอย่างตั้งใจ (Active Listening)

  • ไม่แทรก ไม่โต้แย้ง
  • ใช้ภาษากาย เช่น พยักหน้าเบา ๆ เพื่อแสดงการรับฟัง
  • สะท้อนความเข้าใจ เช่น

“เข้าใจเลยค่ะ ว่าสิ่งนี้ทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจจริง ๆ”

2. แสดงความเห็นใจ (Empathy)

“ดิฉันเข้าใจค่ะว่าท่านอาจรู้สึกผิดหวังกับเหตุการณ์นี้”
เพียงประโยคเดียวก็สามารถลดความรุนแรงของอารมณ์ลูกค้าได้

3. เสนอทางออกอย่างใจเย็น

  • ใช้ถ้อยคำเชิงบวก เช่น
  • “ขออนุญาตตรวจสอบเพื่อหาทางแก้ไขให้เร็วที่สุดนะคะ”
  • หลีกเลี่ยงคำว่า “ไม่ได้ค่ะ” หรือ “ไม่ใช่ความผิดของเรา”

4. ติดตามผลหลังเหตุการณ์

หลังจากแก้ไขแล้ว ควรติดต่อกลับเพื่อขอบคุณและยืนยันว่าได้รับการดูแลแล้ว
ช่วยเปลี่ยน “ลูกค้าร้องเรียน” ให้กลายเป็น “ลูกค้าประทับใจ”


Visitors: 349,236