ทักษะการให้ข้อมูลป้อนกลับ (Feedback Skills)


การให้ Feedback แก่ผู้ใต้บังคับบัญชา เป็นหนึ่งในทักษะที่สำคัญของผู้นำและผู้จัดการ เพราะไม่เพียงแต่ช่วยพัฒนาศักยภาพของพนักงาน แต่ยังมีผลต่อบรรยากาศการทำงานและความสำเร็จของทีมโดยรวม

ความสำคัญของการให้ Feedback
  1. เป็นเครื่องมือในการพัฒนา
    ช่วยให้ผู้ใต้บังคับบัญชารู้จุดแข็งและจุดที่ต้องปรับปรุง ทำให้เกิดการเรียนรู้และเติบโตในงาน
  2. สร้างการสื่อสารที่ชัดเจน
    ลดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับมาตรฐานการทำงาน และช่วยให้ทีมเดินไปในทิศทางเดียวกัน
  3. เป็นการเสริมแรงจูงใจ
    เมื่อได้รับคำชมเชยหรือการยอมรับ จะทำให้พนักงานมีกำลังใจและรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า
  4. สร้างวัฒนธรรมการทำงานที่เปิดกว้าง
    การให้และรับ Feedback อย่างสม่ำเสมอช่วยสร้างบรรยากาศแห่งความไว้ใจและการทำงานร่วมกัน
  5. เป็นการกำกับทิศทางการทำงาน
    ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเข้าใจว่าเป้าหมายขององค์กรคืออะไร และควรปรับตัวอย่างไรให้สอดคล้อง

ผลดีที่เกิดขึ้นจากการให้ Feedback
  • พนักงานพัฒนาทักษะและผลงานได้เร็วขึ้น
  • เพิ่มความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างหัวหน้ากับลูกน้อง เพราะเกิดความเข้าใจและการสื่อสารตรงไปตรงมา
  • ช่วยลดปัญหาความผิดพลาดซ้ำ ๆ เพราะได้รับคำแนะนำก่อนจะกลายเป็นปัญหาใหญ่
  • สร้างแรงจูงใจและความผูกพันกับองค์กร ทำให้พนักงานรู้สึกว่าตนเองได้รับความใส่ใจ
  • เพิ่มประสิทธิภาพของทีมและองค์กร เพราะทุกคนได้รับทิศทางที่ถูกต้องและพัฒนาไปพร้อมกัน

Feedback ที่ดี ไม่ใช่การตำหนิ แต่เป็นการให้ข้อมูลย้อนกลับที่สร้างสรรค์ (Constructive Feedback) โดยเน้น ข้อเท็จจริง + ข้อเสนอแนะ + กำลังใจ

เทคนิคการให้ Feedback ที่มีประสิทธิภาพ
  1. เลือกเวลาและสถานที่ที่เหมาะสม
    • คุยในที่ส่วนตัว ไม่ให้ผู้อื่นรับรู้ (เพื่อรักษาศักดิ์ศรี)
    • เลือกเวลาที่อีกฝ่ายพร้อมรับฟัง ไม่ใช่ช่วงที่กดดันหรือรีบ
  2. ใช้หลัก “SBI Model” (Situation – Behavior – Impact)
    • Situation: อธิบายเหตุการณ์หรือบริบทที่เกิดขึ้น
    • Behavior: ชี้พฤติกรรมที่เห็นจริง ๆ ไม่ใช่การตีความ
    • Impact: อธิบายผลกระทบที่เกิดขึ้น เช่น ต่อทีม งาน หรือองค์กร
  3. เริ่มด้วยสิ่งดี (Positive First)
    • พูดถึงข้อดีหรือสิ่งที่ทำได้ดี เพื่อให้มีกำลังใจ
    • จากนั้นจึงเสนอข้อที่ควรพัฒนา
  4. โฟกัสที่พฤติกรรม ไม่ใช่ตัวบุคคล
    • หลีกเลี่ยงคำว่า “คุณเป็นคนไม่…” → ใช้คำว่า “ในครั้งนี้สิ่งที่เกิดขึ้นคือ…”
  5. ใช้โทนสร้างสรรค์และจริงใจ
    • แสดงให้เห็นว่า Feedback มีเจตนาช่วยพัฒนา ไม่ใช่ตำหนิ
  6. เสนอแนวทางการปรับปรุง (Actionable Advice)
    • ไม่ใช่บอกว่า “ทำไม่ดี” แต่เสนอ “ถ้าลองทำแบบนี้อาจจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า”
  7. เปิดโอกาสให้ผู้รับ Feedback พูด
    • รับฟังความเห็น ข้อแก้ตัว หรืออุปสรรคที่เขาเจอ
    • จะช่วยให้เกิดการสื่อสารสองทางและการปรับตัวจริง
  8. ปิดท้ายด้วยกำลังใจและการสนับสนุน
    • ให้เขารู้ว่าคุณพร้อมช่วยเหลือและเชื่อมั่นในความสามารถของเขา

เวลาและสถานการณ์ที่ควรให้ Feedback  Feedback ควรให้ทั้งในเวลาที่พนักงานทำได้ดี และเวลาที่ต้องปรับปรุง โดยคำนึงถึง ความเหมาะสมของเวลา สถานที่ และสภาพจิตใจของผู้รับ
  1. ทันทีหลังเหตุการณ์เกิดขึ้น (Timely Feedback)
    • ควรให้โดยเร็วที่สุดหลังจากเหตุการณ์หรือพฤติกรรมเกิดขึ้น
    • เพื่อให้ผู้รับยังจำเหตุการณ์ได้ชัดเจน และปรับตัวได้ทันที
    • เช่น หลังจากพนักงานพรีเซนต์งานเสร็จ
  2. ในจังหวะสำคัญของงาน (Milestone Feedback)
    • ให้ Feedback เมื่อถึงช่วง checkpoint หรือหลังเสร็จสิ้นโปรเจกต์ย่อย
    • เพื่อปรับทิศทางงานและป้องกันความผิดพลาดต่อไป
  3. เมื่อเห็นพฤติกรรมที่ดี (Positive Reinforcement)
    • ไม่จำเป็นต้องรอปัญหาเกิด แต่สามารถชื่นชมทันที
    • เพื่อสร้างแรงจูงใจและทำให้พฤติกรรมดี ๆ ถูกทำซ้ำ
  4. เมื่อมีปัญหาหรือข้อผิดพลาด (Corrective Feedback)
    • ให้ Feedback โดยเร็ว แต่เลือกเวลาและสถานที่ที่เหมาะสม (ไม่ตำหนิในที่สาธารณะ)
    • เน้นไปที่การปรับปรุง ไม่ใช่การตำหนิส่วนตัว
  5. ระหว่างการประเมินผลอย่างเป็นทางการ (Formal Feedback)
    • เช่น การประเมินผลงานประจำปี หรือการประชุม One-on-One
    • จะช่วยให้ผู้ใต้บังคับบัญชามองเห็นภาพรวมการทำงานของตนเอง
  6. เมื่อผู้ใต้บังคับบัญชาร้องขอ (Feedback on Demand)
    • บางครั้งลูกน้องอยากได้คำแนะนำโดยตรง ควรเปิดโอกาสให้รับฟังและให้ Feedback ทันที



สอบถามข้อมูลหลักสูตรได้ทาง e-mail : info@challengeto.com

Visitors: 337,427